แม้โดนเลื่อนการแข่งขัน แต่พวกเขาก็ยังใช้เวลามาช่วยเหลือสังคม…
หลังจบพรีซีซั่นที่สเปนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ใครที่เป็นแฟน F1 ต่างก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ อีกไม่นานพวกเขาก็จะได้เห็นรถที่ทีมรักซุ่มพัฒนาออกมาประชันความเร็วในศึกแรกที่ Australian Grand Prix
แต่น่าเสียดายที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้การแข่งขันฤดูกาล 2020 ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ระหว่างที่กำลังรอฝ่ายจัดการแข่งขันวางกำหนดการ Grand Prix แรกของปี ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อร้ายที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก
ทีม F1 บางส่วนและรัฐบาลอังกฤษมีความเห็นร่วมกันว่า เทคโนโลยีและความสามารถที่พวกเขามี อาจช่วยแก้ปัญหาใหญ่ครั้งนี้ได้
เมื่อไม่นานมานี้สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทีมแข่ง F1 ทั้ง 7 ประกอบด้วย McLaren, Williams, Red Bull, Renault, Racing Point, Mercedes และ Haas
พวกเขาได้ร่วมมือกับทางรัฐบาลอังกฤษ และฝ่ายการแพทย์ของมหาวิทยาลัย University College London ในการผลิตเครื่องมือแพทย์ ให้เพียงพอต่อความต้องการในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
ซึ่งหลายคนอาจไม่ทราบว่า ตอนนี้ที่อังกฤษกำลังขาดแคลนเครื่องมือแพทย์!?
จากข้อมูลล่าสุด (วันที่ 24 มีนาคม) ยอดผู้ติดเชื้อในอังกฤษพุ่งสูงถึง 6,726 คน สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก และมียอดผู้เสียชีวิตแล้ว 336 ราย
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่า พวกเขาอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจมากถึง 20,000 เครื่อง เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดในครั้งนี้
แต่ทั่วทั้งอังกฤษกลับมีเครื่องช่วยหายใจเพียง 8,000 เครื่อง ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่นายบอริสต้องการเสียด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ทางรัฐบาลต้องทำอย่างไรก็ได้เพื่อหาเครื่องช่วยหายใจ รวททั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้พอต่อความต้องการ และที่สำคัญต้องทันเวลาด้วย!!

จากโจทย์ที่ทางรัฐบาลมี หน่วยงาน National Health Service (NHS) ที่รับผิดชอบด้านสาธารณะสุขของประเทศอังกฤษ ต้องเร่งหาผู้ผลิตที่มีความพร้อมทั้งบุคลากร เครื่องไม้เครื่องมือ รวมทั้งเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เพื่อผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความซับซ้อน ให้ทันต่อการแพร่ระบาดของโรค
ซึ่งโจทย์ที่ว่านำไปสู่การร่วมมือกับทีมจาก F1 ทั้ง 7 ทีมในครั้งนี้
นักออกแบบ วิศวกร และนักวิทยาศาสตร์ คือทรัพยากรสำคัญของทีม F1 ที่ภารกิจนี้ต้องการ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มีความสามารถชั้นเยี่ยมสามารถทำงานภายใต้ความกดดันได้เป็นอย่างดี
ไม่เพียงเท่านั้นในทีมแข่งแต่ละทีมยังมีฝ่ายผลิต ที่สามารถสร้างหรือประกอบเครื่องยนต์ที่ซับซ้อนได้อีกด้วย
คุณอาจจะไม่รู้ว่า ย้อนไปเมื่อปี 2012 เทคโนโลยีจาก F1 ก็เคยถูกนำไปใช้ในทางการแพทย์มาแล้ว
ซึ่งในครั้งนั้นตัวเซ็นเซอร์เก็บข้อมูลต่างๆ และคอมพิวเตอร์ประมวลผล ถูกนำไปพัฒนาเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยชีวิตเด็กที่เป็นโรคหัวใจ ที่โรงพยาบาลเด็ก Birmingham Children’s Hospital
ดังนั้นแล้ว การขอความร่วมมือจากทีมแข่ง F1 เพื่อช่วยผลิตเครื่องมือแพทย์ อาจเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของรัฐบาลอังกฤษ ก็เป็นได้
นอกจากทีม F1 แล้ว โลกยานยนต์ก็ยังมีฮีโร่อีก
ไม่ได้มีแค่ทีม F1 ทั้ง 7 เท่านั้นที่เป็นตัวแทนจากฝั่งยานยนต์ แต่ยังมี Ford, GM และ Tesla ที่ร่วมแก้ปัญหานี้ด้วยเช่นกัน
โดยพวกเขาจะรับจัดหาและผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ อย่างเช่น เครื่องช่วยหายใจ หลังจากได้รับการขอความร่วมมือจากรัฐบาลสหรัฐ
แม้พวกเขาจะถูกรัฐบาลนั้นสั่งระงับสายการผลิตชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสก็ตาม แต่งานนี้ พวกเขาเข้าในและไม่ได้มีความแค้นเคืองแต่อย่างใด
ส่วนที่ประเทศจีนเองก็มีค่ายรถที่ให้ความร่วมมือด้วยเช่นกัน ผู้ผลิตแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อย่าง BYD ได้เปลี่ยนสายการผลิตบางส่วน เพื่อช่วยผลิตหน้ากากอนามัยที่มีกำลังการผลิตมากถึง 5 ล้านชิ้น/วัน
และล่าสุด Fiat ก็ได้ร่วมเปลี่ยนสายการผลิตในประเทศจีน เพื่อผลิตหน้ากากอนามัย โดยมีกำลังการผลิตถึง 1 ล้านชิ้น/วันด้วยเช่นกัน
BYD เปลี่ยนโรงงานรถยนต์ ให้เป็นโรงงานหน้ากากอนามัย
เมื่อค่ายรถยักษ์ใหญ่ของจีน BYD เปลี่ยนโรงงานรถยนต์ ให้เป็นโรงงานหน้ากากอนามัย..โรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาด ทำให้ค่ายรถยนต์ของจีนรายนี้ กลายมาเป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัยรายใหญ่ที่สุดของโลก ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ติดตามเรื่องราวของการเปลี่ยนโรงงานรถยนต์ เป็นโรงงานหน้ากาก กำลังผลิต 5 ล้านชิ้นต่อวัน พร้อมกับรู้จัก BYD ให้มากขึ้น ในคลิปนี้ครับ…
Posted by Magcarzine.com ข่าวสารยานยนต์ ให้คุณรู้จริงก่อนใคร on Jumaat, 20 Mac 2020
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกำลังแสดงให้เราเห็นว่า โลกเราต่างก็ต้องพึ่งพากันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คนที่เก่งด้านหนึ่ง ก็อาจจะทำงานอีกด้านเพื่อช่วยเหลือกันและกันได้
และผู้ผลิตรถยนต์นั้น แม้จะต้องหยุดธุรกิจเพราะการแพร่ระบาด แต่ก็ยังให้ความสำคัญต่อวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อช่วยในสิ่งที่พวกเขาช่วยได้
และขณะเดียวกันมันก็สะท้อนให้เราเห็นถึงการทำงานของหน่วยงานรัฐบางแห่ง ที่สามารถจัดการและขอความร่วมมือจากบริษัทรายใหญ่ที่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรภายในประเทศ ให้มาร่วมแก้ปัญหาและรับผิดชอบกับวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความร่วมมือร่วมใจ และหากมีสิ่งนี้แล้ว ต่อให้เป็นวิกฤติหนักแค่ไหน ก็คงจะไม่หนักเกินมนุษย์ที่จะร่วมกันรับมือเช่นกัน…
ที่มา bbc (1),(2), formula1, dailymail