ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับภาวะฝุ่นควันที่สามารถส่งผลเสียในระยะยาว และการควบคุมมลพิษที่ถูกปล่อยมาจากยานพาหนะก็หนึ่งในมาตรการของการลดไอเสียของหลายองค์กรณ์ และรัฐบาลของหลายประเทศทั่วโลก
และรัฐบาลของไอร์แลนด์คือประเทศล่าสุดที่ได้ทำประกาศแบน “รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป” หรือก็คือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันขับเคลื่อน โดยแผนจะเริ่มภายในปี 2030
การแบนรถยนต์น้ำมัน จะเริ่มต้นในปี 2030 ซึ่งเป็นหนึ่งใน “แผนการจัดการภาวะโลกร้อน” ที่รัฐบาลได้ประกาศบังคับใช้เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมา
รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมได้เผยถึงการการที่ตัดสินใจดำเนินแผนการนี้ เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลพบว่า 85% ของรถยนต์บนท้องถนนคือรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันและค่าไอเสียของประเทศก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
รัฐต้องการให้ไอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีอากาศสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นเพื่ออนาคตของประชาชน จึงมีการร่างแผนนี้ออกมานั่นเอง
รัฐวางโรดแมพไว้ว่าค่าไอเสียของไอร์แลนด์จะต้องเป็น 0 ภายในปี 2050
การประกาศแผนจัดการภาวะโลกร้อนจากรัฐบาลไอร์แลนด์
At a time when we should be radically reducing our reliance on carbon, Ireland’s greenhouse gas emissions have been rising rapidly. We are currently 85% dependent on fossil fuels #ClimatePlan2019 pic.twitter.com/XbaoTY3LIo
— Richard Bruton (@RichardbrutonTD) June 17, 2019
และแน่นอนว่า สิ่งที่จะมาแทนรถยนต์น้ำมันคือรถยนต์ไฟฟ้านั่นเอง ซึ่งรัฐวางเป้าว่าภายในปี 2030 จะต้องมีรถยนต์ไฟฟ้า 950,000 คันวิ่งอยู่บนท้องถนน
รัฐมีแผนให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า และมีแผนที่จะลงทุนติดตั้งแท่นชาร์จไฟให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อจูงใจให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
รวมถึงการออกมาตรการพิเศษบังคับว่า ภายในปี 2025 สถานที่ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยและมีที่จอดรถเกิน 10 ช่อง (อย่างเช่นห้างสรรพสินค้า) จะต้องมีแท่นชาร์จไฟอย่างน้อยหนึ่งแท่น
น่าสนใจนะครับว่าแผนการลดมลพิษของไอร์แลนด์จะได้ผลจริงหรือไม่? การที่พวกเขาตั้งเป้าไว้แบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องน่าสนใจ และมีแต่เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบเราได้
ซึ่งก็ต้องติดตามดูกันต่อไปครับ…
ที่มา: BBC, independent, yahoo, electrek, motor1